
เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ทำจดหมายเปิดผนึกถึงนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ใจความว่า กรณีที่นายวิษณุแถลงถึงเหตุผลในการที่รัฐบาลจะใช้วิธีออกคำสั่งทางปกครองให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนโดยให้เหตุผลว่าเป็นขั้นตอนปกติตามกฎหมายที่บังคับใช้มาแล้ว หากใช้วิธีฟ้องคดีแพ่งธรรมดารัฐบาลจะเสียเปรียบรูปคดีนั้น จึงขอใช้กฎหมายที่นายวิษณุเคยสอนมาเห็นแย้งดังนี้
1.เจตนารมณ์ในการออกพ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดฯ คือ "เมื่อการที่ทำไปทำให้หน่วยงานของรัฐต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกเพียงใดก็จะมีการฟ้องไล่เบี้ยเอาจากเจ้าหน้าที่เต็มจำนวนนั้น"
2.อย่างไรก็ตามกรณีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่มีบุคคลภายนอกเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เป็นเรื่องระหว่างรัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ยึดอำนาจมา โดยมีข้อกล่าวหาว่าโครงการรับจำนำข้าวทำให้ประเทศชาติเสียหาย แบบนี้อาจารย์ยังบอกว่าไม่ใช่คู่กรณี ไม่มีอคติ หรือไม่มีส่วนได้เสียอีกหรือ แค่การที่ พล.อ.ประยุทธ์ยึดอำนาจจากรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็ถือเป็นคู่กรณีที่เป็นปฏิปักษ์ทางการเมืองและมีส่วนได้เสียแล้วตามกฎหมาย
นายวัฒนาระบุว่า3.ส่วนที่อาจารย์บอกว่ากฎหมายฉบับนี้ใช้มากว่า19 ปี ดำเนินการมากว่า 5,000 คดี พร้อมกับยกตัวอย่างคดีสำคัญ ซึ่งคดีเหล่านั้นเข้าหลักเกณฑ์คือมีคู่กรณี 3 ฝ่าย 4.หลักการสำคัญยิ่งอย่างหนึ่งของหลักนิติธรรม คือ ความเป็นธรรมในการบังคับใช้กฎหมาย การที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ซึ่งเป็นปฏิปักษ์และเป็นคู่กรณีที่มีส่วนได้เสียทางการเมืองจะมาใช้คำสั่งทางปกครองจึงไม่ชอบด้วยหลักนิติธรรม
5.อาจารย์ก็บอกเองว่าเรื่องนี้รัฐมีทางดำเนินการได้สองทางคือการฟ้องคดีแพ่งต่อศาลยุติธรรมหากรัฐเลือกดำเนินการในทางนี้จะไม่ขัดกับหลักการที่เคยทำมา เพราะการใช้คำสั่งทางปกครองที่ผ่านมามีบุคคลภายนอกมาเกี่ยวข้องทั้งสิ้น ส่วนกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์มีความแตกต่างกับคดีที่ผ่านมาโดยสิ้นเชิง ยกเว้นจะเป็นไปตามที่อาจารย์บอกคือรัฐบาลกลัวเสียเปรียบรูปคดีเลยเลือกวิธีเอาเปรียบ น.ส.ยิ่งลักษณ์แทน
นายวัฒนาระบุอีกว่า6.อาจารย์ยังไม่เห็นหรือว่ากระบวนการในเรื่องนี้มีความผิดปกติและไม่ชอบธรรมจึงต้องออกคำสั่งมาคุ้มครองเจ้าหน้าที่ดังกล่าวทางแก้ในเรื่องนี้มีอยู่แล้วคือการให้เจ้าหน้าที่รวบรวมหลักฐานส่งอัยการสูงสุดให้ฟ้องเป็นคดีแพ่งในมูลละเมิดนอกจากจะลดข้อครหาในทุกเรื่องแล้วความจำเป็นที่ต้องพึ่งคำสั่งที่39/2558ก็ไม่มีอีกต่อไป อย่างไรก็ตามดีใจที่ได้ยินอาจารย์กล่าวว่าในชั้นนี้รัฐบาลจะเลือกการออกคำสั่งทางปกครองเว้นแต่จะมีเหตุผลที่ดีกว่าจึงกราบเรียนเหตุผลข้างต้นมาประกอบกับหลักการที่เคยถูกสอนมาว่า"กฎหมายจะต้องอยู่บนหลักนิติธรรม จึงจะได้รับการยอมรับจากทุกฝ่ายรวมถึงฝ่ายที่ถูกบังคับตามกฎหมายนั้นด้วย หาไม่แล้วการบังคับตามกฎหมายดังกล่าวจะไม่สร้างการยอมรับในกระบวนยุติธรรม เพราะแม้จะเป็นไปตามกฎหมาย แต่ยังขาดหัวใจสำคัญคือความชอบธรรม อันจะกลายเป็นสังคมที่บังคับให้เป็นไปตามกฎหมาย แต่ปราศจากหลักนิติธรรม" ขอให้อาจารย์พิจารณาด้วยความรอบคอบอีกครั้ง